; ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction)


       
         ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือที่เราเรียกกันว่า นกเขาไม่ขัน ที่จริงแล้วมีภาวะอันตรายบางอย่างที่ส่งผลต่อสุขภาพซ้อนเร้นอยู่ ซึ่งไม่ใช่มีแต่เรื่องความสุขทางเพศหรือปัญหาครอบครัวเพียงอย่างเดียว

        ภาวะหย่อนสภาพทางเพศนั้น คือภาวะที่อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ไม่เต็มที่หรือไม่นานเพียงพอหรืออาจไม่แข็งตัวเลยขึ้นอยู่กับความรุนแรงและส่งผลถึงความพึงพอใจในเรื่องของความสุขกับคู่นอน ผู้ป่วยที่มีโอกาสเป็นภาวะหย่อนสภาพนั้นพบได้ตั้งแต่วัยรุ่น แต่จะพบมากในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งมีโอกาสเป็นได้มากขึ้น

        ปกติอวัยวะเพศจะแข็งตัวได้ก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศ เช่น จินตนาการ รูปภาพ การสัมผัสเป็นต้น หรือแข็งตัวได้จากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชายในช่วงเวลาหลับตอนกลางคืนและตื่นนอนตอนเช้า โดยอวัยวะเพศนั้นต้องมีความสมบูรณ์ ระบบเส้นเลือด ระบบประสาทและระบบฮอร์โมนต้องอยู่ในระดับปกติ  ดังนั้นความผิดปกติของระบบใดระบบหนึ่งจึงส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายได้

โดยส่วนใหญ่สาเหตุของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น แบ่งได้ เป็น 2 อย่าง คือ

        1. ความผิดปกติของร่างกาย
        2. ความผิดปกติของจิตใจ

        ซึ่งมักพบทั้ง 2 อย่างร่วมกันในผู้ที่มีภาวะนี้  ดังนั้นการตรวจรักษาและประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งสาเหตุบางอย่างไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยา เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างก็สามารถรถหายจากภาวะนี้ได้ เช่น การปรับการใช้ยากลุ่ม ยาโรคจิตประสาท ยาคลายเครียด ยาลดความดันบางชนิด (Thiazide) ซึ่งส่งผลต่อภาวะหย่อนสภาพทางเพศ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การลดความเครียดจากการทำงาน  ลดการดื่มสุรา สูบบุหรี่ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็ทำให้สรรกภาพ ทางเพศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

        ภาวะหย่อนสภาพทางเพศที่มีสาเหตุ จากความผิดปกติด้านจิตใจ เช่น ประสบการณ์ทางเพศที่ไม่พึงประสงค์ มีความเข้าใจที่ผิดต่อเรื่องทางเพศ ผู้ป่วยประเภทนี้จะยังมีอวัยวะเพศแข็งตัวช่วงหลับตอนกลางคืนและตื่นนอนตอนเช้าได้อยู่ แต่ไม่สามารถแข็งตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจโดยจิตแพทย์เฉพาะทางเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะคติบางอย่างให้ดีขึ้น

        ส่วนสาเหตุที่เกิดจากโรคระบบหลอดเลือด ระบบประสาทหรือความสมบูรณ์ของอวัยวะเพศนั้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องโรคประจำตัวอยู่ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไตวายเรื้อรัง โรคตับเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ประวัติอุบัติเหตุไขสันหลัง โรคต่อมลูกหมากโต เคยผ่าตัดหรือฉายรังสีบริเวณอุ้งเชิงกรานมาก่อน เป็นต้น  ผู้ป่วยประเภทนี้ตอนนอนหลับกลางคืนหรือตื่นนอนตอนเช้าอวัยวะเพศจะไม่แข็งตัว อาการมักค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นการสืบหาสาเหตุหรือโรคร่วมที่มักแฝงอยู่ดังที่กล่าวแล้วทำการรักษาที่สาเหตุนั้น ควบคุมโรคให้อยู่ในภาวะปกติ ก็จะทำให้ภาวะหย่อนสภาพทางเพศดีขึ้น



การรักษาวิธีอื่นนอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคุมโรคประจำตัวแล้ว ยังมีอีกหลายวิธี เช่น

        1. การรับประทานยาในกลุ่ม PDE5 inhibitor เช่น Sildenafil (Viagra) ,Vardenafil (Levitra),Tadalafil (Cialis) ซึ่งเป็นยาอันตราย มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด จำเป็นต้องสั่งโดยแพทย์ เพราะยามีผลต่อการทำงานของหัวใจ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการประเมินความเสี่ยงของหัวใจ ว่าสามารถใช้ยาชนิดนี้ได้หรือไม่เสมอ และต้องไม่ใช้ร่วมกับยากลุ่ม Nitrate ซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดเช่นกัน 
        2. ยาประเภทฉีดเข้าอวัยวะเพศโดยตรง
        3. ยาชนิดใส่เข้าทางท่อปัสสาวะ
        4. ยาอมใต้ลิ้น
        5. ยาฮอร์โมนทดแทนในรายที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย
        6. การใช้กระบอกสูญญากาศ (Vacuum devices) และสุดท้ายคือวิธีการผ่าตัดฝังแกนเทียม (Prosthesis) และการผ่าตัดหลอดเลือดในกรณีที่การรักษาอื่นๆ ไม่ได้ผล

        เพื่อความสุขของชีวิตครอบครัว และสุขภาพของผู้ชาย จึงจำเป็นต้องดูแลและป้องกันก่อนที่จะมีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้น โดยการรับประทานอาหารให้ครบ หมู่ ลดอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน เนื้อสัตว์ งดสุรา บุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ ลดความเครียด ทำจิตใจให้ผ่องใส และที่สำคัญควรตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อหาภาวะผิดปกติหรือโรคบางอย่างที่ไม่แสดงอาการในตอนเริ่มต้น เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เพียงเท่านี้สุขภาพกายและสุขภาพน้องชายก็จะแข็งแรงไปอีกนาน